วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

จดหมายถึงพ่อ

ถึงพ่อ...บนสวรรค์
            วันนี้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะตกใจว่าวันนี้เป็นวันที่ 5 ธันวา หรือป่าวเพราะทุกปีผมจะต้องคิดถึงพ่อเพราะเป็นวันพ่อแห่งชาติ(เคยมีคนพูดให้ฟังว่าพ่อแม่คิดถึงลูกทุกวัน เพราะไม่มีวันลูก แต่ลูกจะคิดถึงพ่อและแม่เฉพาะวันพ่อกับวันแม่ ปีละ 2 วันเท่านั้น..เศร้าจัง) และโดยปกติผมจะนำพวงมาลัยพร้อม
ซองเล็กๆ หรือของขวัญนิดหน่อย(แต่ปกติก็เฉพะพวงมาลัย เนื่องจากไม่ค่อยจะมีตังค์) แต่ในปีนี้ไม่ว่าจะเป็นวันที่
5 หรือไม่ ผมก็ไม่มีพ่อให้กราบต่อไปอีกแล้วจะมีก็แต่ภาพถ่ายหล่อเหลาที่ติดไว้เหนือโกฏิเก็บกระดูกพ่อที่บ้านแม่แถววัดเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนนทบุรี ไหนๆ ตื่นมาแล้วผมมานั่งนึกถึงเรื่องราวของพ่อกับพวกเรา ทำให้ต้องเขียนจดหมายถึงพ่อให้หายคิดถึงหน่อย พ่อ(นายโสภณ สุวรรณศร ราษฎรเต็มขั้น) เล่าให้ฟังว่าหนีปู่(ปลัดเช้า)จากสุพรรณบุรี ตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไม่ได้เรียนหนังสือเป็นใหญ่เป็นโตเหมือนลูกคนอื่นๆ ปู่ได้ตามพ่อประมาณ 16 ปี จึงพบกัน ตอนนั้นที่บ้านโป่งเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมได้เห็นปู่ ปู่แจกสลากกินแบ่งรัฐบาลให้คนละใบ(ไม่ถูกซะอีก) หลังจากนั้นพ่อซึ่งมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างเลี้ยงลูก 5 คน มาอย่างลุ่มๆ ดอน (ถึงตอนนี้น้ำตาผมไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อคิดถึงเรื่องราวของพ่อ
ที่ผ่านมา) บางงานที่พ่อรับเหมาดีร่ำรวยมีเงิน แม่ใส่ทองเต็มตัว มีรถยนต์ รถแทรกเตอร์ คนงานเป็นร้อย หางานให้ญาติพี่น้องทำได้มากมาย บางงานไม่ดีไม่เหลือรถซักคัน ประสบเคราะห์ร้ายหลายอย่าง ก็ได้พี่ๆ ของพ่อช่วยเหลือเกื้อกูลที่สำคัญๆ เห็นจะเป็นคุณป้าแป๊ว คุณป้านวล คุณป้าหนาน และคนอื่นๆ ที่ผมไม่ค่อยทราบ พ่อมักจะสั่งสอนพวกเราให้สำนึกในการทำความดี โดยนำเอาความเป็น“สุวรรณศร” มาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวในการทำความดีว่า “เราโชคดีที่เกิดในตระกูลสุวรรณศร ที่มีบรรพบุรุษหลายท่านเป็นคนดีเป็นที่ไว้เนื้อเชื้อใจให้รับราชการสนองบุญคุณแผ่นดินอย่างดี โดยเฉพาะท่านเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) อย่าทำให้ตระกูลเขาเสียหายหากเมื่อไหร่คิดที่จะทำความชั่วให้ไปเปลี่ยนนามสกุลเสียก่อน พ่อจะปลูกฝังความคิดนี้ให้พวกเราเสมอ ทำให้ผมชอบฟังเรื่องราวและชอบค้นหาความเป็น “สุวรรณศร” ทุกโอกาสที่ทำได้ และชอบเล่าถึงความเป็นมาของ “สุวรรณศร” ให้เพื่อนสนิท มิครสหายฟังอยู่เนืองๆ
จนเป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่า “ถ้าไม่ว่างพอที่จะฟัง อย่าเที่ยวไปถามไอ้สนมันเรื่องตระกูลเด็ดขาด เดี๋ยวมันเล่ายาว” ครั้งสุดท้ายที่พ่อได้มีโอกาสไปงานเลี้ยงสังสรรค์ที่
that’s it พ่อเมามาก ปกติก็เมาทุกครั้งนั่นแหละ แต่วันนั้นผมรู้สึกโกรธพ่อ และต่อว่าพ่อ จึงรู้ถึงความรู้สึกว่าในใจลึกๆ ของพ่อแล้วรู้สึกน้อยใจที่ไม่ได้เรียนหนังสือจบสูงๆ ไม่มีเงินทองให้ลูก ไม่มีสมบัติใดๆ ให้กับลูกๆ เหมือนพี่น้องคนอื่นๆ เขา....ผมร้องไห้และบอกกับพ่อว่าผมเสียใจที่ว่าพ่อ แต่ขอให้พ่อรู้ไว้ว่า พวกเราได้อะไรจากพ่อมากมาย ไม่มีทางจะทดแทนพระคุณได้หมดอยู่แล้ว พ่อไม่รู้หรอกว่า แค่คำพร่ำสอนของพ่อให้เป็นคนดี และการส่งเสียให้เรียนจนจบมัธยมก็ทำให้พวกเรามีวันนี้ วันนี้พี่สาวผมเป็นพันตรีหญิงรับผิดชอบงานในสำนักงานผู้ใหญ่ระดับสูงของกองทัพไทย มีครอบครัวที่อยู่กันได้ตามอัธภาพดูแลแม่ให้มีความสุขทุกวัน วันนี้ผมมีตำแหน่งเป็นสารวัตรในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านให้ความไว้เนื้อเชื่อใจในการทำงาน เคยเป็นร้อยตำรวจโทคนเดียวที่ร่วมกับผู้บังคับบัญชาทำระบบต้นแบบงานตำรวจสมัยใหม่ของประเทศ เป็นร้อยตำรวจโทคนเดียวที่ต้องเข้าไปชี้แจงกรรมาธิการที่รัฐสภาถึงการใช้งบประมาณในงานตำรวจหลายล้านบาท เป็นที่ปรึกษาคณะวิจัยงานด้านเทคโนโลยีของหลายสถาบัน วันนี้ลูกคนสุดท้องซึ่งไม่ค่อยจะมีดีกรีอะไรกับเขาเพราะเรียนไม่ค่อยเก่งขณะนี้เปิดร้านอาหารอยู่ที่ประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ฐานะทางสังคมเป็นนายกวัฒนธรรมและการค้าไทย แห่งประเทศนั้น แม้ว่าทุกตำแหน่งจะไม่ใหญ่โตเหมือนคนอื่นเขา แต่เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า พวกเราเป็นคนดี ถึงวันตายก็ต้องได้รับพระราชทานเพลิงศพแน่นอน(ตามระเบียบฯ) เพราะพ่อสอนให้พวกเราเป้นคนดี ทุกอย่างนี้ล้วนมาจากพ่อ สิ่งสุดท้ายที่ผมได้จากพ่อในวันนั้นก็คือ วันนี้ผมไม่แตะต้องแอลกอฮอร์อีกต่อไป ท้ายสุดนี้ไม่ว่าพ่อจะอยู่ ณ จุดใด
ในสววรค์เบื้องบนขอให้พ่อทราบว่า พวกเราสำนึกในบุญคุณของพ่อ และจะเป็นคนดีของพ่อ
และของตระกูล “สุวรรณศร” ตามที่พ่อปรารถนาสืบไป จนกว่าชีวิตจะหาไม่..,,,,,.ผมรักพ่อครับ........ป้อม

(ขอให้พ่อทุกคนมีความสุข ในวันพ่อพรุ่งนี้ครับ และขอให้ลูกทุกคนอย่ากราบพ่อ
เฉพาะวันพ่อนะครับ เพราะมันน้อยเหลือเกิน สำหรับพ่อที่ทำทุกอย่างให้กับพวกเรา..
ทุก ๆ วัน....ขอขอบพระคุณ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น